ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้และทักษะใหม่ ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน การพัฒนาตนเองจึงไม่ใช่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่เป็น “ความจำเป็น” ที่ทุกคนต้องมี หากต้องการเติบโตและก้าวทันโลก แต่การพัฒนาตนเองไม่ได้หมายถึงเพียงการอ่านหนังสือ ฟังบรรยาย หรือเรียนรู้จากผู้อื่นเท่านั้น สิ่งสำคัญกว่าคือ “การลงมือทำ” หรือที่เรียกว่าแนวคิด “ลอง-ทำ-ดู” ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจริงจากประสบการณ์ตรง
1. “ลอง” – ก้าวข้ามความกลัวและเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ
ทุกการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจาก “ความกล้าลอง” เรามักติดอยู่กับกรอบความคิดเดิม ๆ ว่าต้องพร้อมก่อนถึงจะเริ่ม หรือกลัวว่าจะล้มเหลวหากทำไม่สำเร็จ แต่ความจริงคือ ไม่มีใครพร้อมตั้งแต่แรก การลองคือการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่แท้จริง
- ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ
- ลองใช้วิธีคิดใหม่ ๆ
- ลองรับผิดชอบงานที่ท้าทายขึ้น
แม้ผลลัพธ์จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ทุกครั้งที่ “ลอง” เราจะได้เรียนรู้บางสิ่งกลับมาเสมอ
2. “ทำ” – ประสบการณ์จริงคือครูที่ดีที่สุด
หลังจากลองแล้ว สิ่งที่ต้องตามมาคือ “การลงมือทำอย่างจริงจัง” เพราะความรู้จะไร้ความหมายหากไม่ถูกนำไปใช้ การ “ทำ” จะทำให้เราเห็นทั้ง จุดแข็ง จุดอ่อน และช่องว่างของความรู้ ของตัวเองได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีทางได้รู้จากการคิดหรืออ่านเพียงอย่างเดียว
- การทำซ้ำ ๆ จะพัฒนาทักษะให้แข็งแรงขึ้น
- การลงมือจริงจะสร้างความมั่นใจ
- การเจอกับอุปสรรคจะฝึกให้เราคิดแก้ปัญหา
ในขั้นตอนนี้ “ความผิดพลาด” คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ เพราะทุกครั้งที่ล้มเหลว เราจะเข้าใจมากขึ้นว่าจะต้อง “ทำให้ดีกว่าเดิม” อย่างไร
3. “ดู” – สะท้อนคิดเพื่อเติบโต
การลองและการทำจะไม่มีความหมาย หากเราไม่ “ดู” หรือไม่ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะ “การดู” คือกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้เรานำประสบการณ์มาใช้ได้จริง
- ดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร
- ดูว่าอะไรที่ทำได้ดีแล้ว และอะไรที่ควรปรับปรุง
- ดูว่าตัวเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรจากวันแรก
เมื่อเราสามารถมองย้อนกลับและเรียนรู้จากสิ่งที่ทำ เราจะเติบโตขึ้นในทุก ๆ รอบของวงจร “ลอง-ทำ-ดู”
บทสรุป
แนวคิด “ลอง-ทำ-ดู” ไม่ใช่เพียงวิธีพัฒนาตนเอง แต่คือ วิถีแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ในทุกบริบท ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือการใช้ชีวิต เมื่อเรากล้าที่จะ “ลอง” ลงมือ “ทำ” และหมั่น “ดู” เพื่อเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ เราก็จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และกลายเป็น “เวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม” ของตัวเองได้ในทุก ๆ วัน